วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

เณรแอ จอมขมังเวทย์ อดีตหมอทำเสน่ห์คุณไสยชื่อดัง ได้รับการอภัยโทษออกจากเรือนจำกลางบางขวางแล้ว หลังนอนคุกมาเกือน 10 ปี 

วันนี้(10 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายหาญ รักษาจิตร์ หรือ เณรแอ จอมขมังเวทย์ อดีตหมอทำเสน่ห์คุณไสยชื่อดัง ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนเมื่อปี 2549 ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรีแล้ว โดยเณรแอร์เป็น 1 ใน 70 นักโทษ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษประจำปี 2558


สำหรับ “เณรแอ” บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดหนองระกำ จ.สระบุรี แม้ว่าอายุจะถึงวัยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ แต่ไม่ยอมอุปสมบท แต่เลือกที่จะร่ำเรียนไสยศาสตร์มนต์ดำจากอาจารย์เขมร จนมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่จากการปลุกเสกกุมารทอง มีการย่างศพเด็กทารกจนกลายเป็นข่าวครึกโครม ทำให้เณรแอถูกจับดำเนินคดี ติดคุกกว่า 1 ปี หลังพ้นโทษแม้จะไม่ได้ครองผ้าเหลืองก็ยังยึดอาชีพหมอไสยศาสตร์ต่อไป

ต่อมาเมื่อปี 2548 อดีตภรรยาของเณรแอ เข้าร้องเรียนต่อนางปวีณา หงสกุล กล่าวหาเณรแอว่ามีพฤติการณ์ต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชน อ้างพิธีทางไสยศาสตร์หลอกข่มขืนหญิงสาว รวมถึงแอบถ่ายวิดีโอไว้แบล็กเมล์เหยื่อ หลังรับเรื่องร้องเรียน นางปวีณาได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปดส.(ตำแหน่งในขณะนั้น) ให้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีเณรแอในข้อหาฉ้อโกงประชาชน

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2548 ตำรวจทำการเข้าตรวจค้นบ้านพักของเณรแอ พบเณรแอนอนอยู่ในห้องพักกับหญิงสาววัย 19 ปีรายหนึ่ง โดยหญิงสาวยอมรับว่า เดินทางมาพบเณรแอเพื่อให้ทำเสน่ห์ยาแฝด แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าพิธี จึงต้องยอมร่วมหลับนอนแทน จากการตรวจค้นพบเครื่องรางของขลังและอุปกรณ์การทำพิธีไสยศาสตร์จำนวนมาก และพบยาทน ยาไวอากร้า และยากล่อมประสาท ซุกซ่อนอยู่ใต้ฐานพระ ภายในห้องทำพิธีอีกด้วย

แต่เณรแอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยเฉพาะในประเด็นการข่มขืนหญิงสาว โดยอ้างว่าหญิงสาวที่มาทำไสยศาสตร์ยินยอมมีเพศสัมพันธ์กับเขาเอง ต่อมาพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเณรแอฐานฉ้อโกงประชาชน และ

ศาลได้พิพากษาจำคุกเณรแอเป็น เวลา 100 ปี แต่คำให้การมีประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงลดโทษให้เหลือจำคุก 75 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อลงโทษจำคุกจำเลยทุกกระทงความผิดแล้ว จำคุกได้ ไม่เกิน 20 ปี โดยเณรแอถูกจำคุกเป็นเวลาเกือบ 10 ปีก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้
ทีมา http://news.mthai.com/hot-news/general-news/437055.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น